“เข้มส่วนราชการป้องกันเจ้าหน้าที่ไม่ให้ติดโควิด19 หากติดแล้วใครจะดูแลประชาชน”

แชร์ข่าว

วันที่ 18 มีนาคม 2563 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  ร่วมกับ นายภาสกร บุญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าคณะทำงานด้านสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดเชียงราย เพื่อกำหนดมาตรการสกัดกั้นโรคไว้รัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างเข้มข้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการตั้งจุดคัดกรองที่จุดผ่านแดนถาวรทัง 5 จุด และจุดผ่อนปรนทุกจุดที่อยู่ติดกับประเทศเมียนมาและ สปป.ลาว รวมทั้งกักโรคผู้เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจำนวน 257 คนเป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งจัดเตรียมสถานที่และบุคลากรรองรับกรณีพบผู้ทีมีอาการเสี่ยงว่าจะติดเชื้อเอาไว้แล้ว 

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดได้ให้อำนาจแต่ละจังหวัดกำหนดมาตรการตามบริบทของจังหวัดตัวเองได้เลย สำหรับ จ.เชียงราย มีประชากรกว่า 1.3 ล้านคน และมีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ และมีการเดินทางเข้าและออกทั้งจากประเทศต่างๆ รวมทั้งภายในประเทศ จึงยากที่จะใช้วิธีการปิดเมือง แต่คณะกรรมการจะพิจารณากันเป็นกรณีๆ ไปเพื่อประกาศให้ทุกพื้นที่นำไปปฏิบัติ เช่น จะยกเลิกการบวชภาคฤดูร้อน หรือไม่ ปิดผับและบาร์หรือไม่ เป็นต้น 

นายภาสกร บุญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าในการจัดประชุมร่วมกับนายอำเภอในพื้นที่ต่างๆ มีมติให้มีการปิดจุดผ่อนปรนด้านที่ติดกับ อ.แม่สาย จำนวน 2 จุด และทางด้าน อ.เวียงแก่น รวมทั้งหมด 4 จุดโดยอยู่ระหว่างการรอการอนุมัติ และให้ปิดช่องทางธรรมชาติที่มีการเข้าออกกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบเข้ามาแล้วผลักดันออกนอกประเทศไปได้ตามขั้นตอน 

นอกจากนี้มีการจัดแผนหากมีการประการเข้าสู่ระยะที่ 3 ของโรคไวรัสโควิด-19 โดยให้ทางฝ่ายสาธารณสุข ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ฝ่ายทหาร ร่วมกันปฏิบัติการโดยแผนจะสมบูรณ์แบบภายในสัปดาห์ถัดไปแล้ว และหากพบผู้ติดเชื้อขึ้นมา ก็มีโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เป็นศูนย์ในการกักตัวและรักษา ซึ่งพบว่ามีสถานที่ บุคลากรและอุปกรณ์พร้อม 

ขณะที่ตามพื้นที่ต่างๆ นั้นตามระเบียบจะให้ทางฝ่ายปกครองทุกคนเป็นเจ้าพนักงานโรคติดต่อโดยให้สอดส่องดูแลทั่วทุกพื้นที่ กรณีพบบุคคลแปลกปลอมหรือมีพฤติกรรมต้องสงสัย ก็ให้เข้าไปดำเนินการกับบุคคลนั้นๆ ได้ต่อไป นอกจากนี้กรณีสถานที่ราชการ ศูนย์ราชการ เสนอให้มีการดูแลเข้มงวด ทั้งการเข้าออกและทำงานภายใน เพราะหากมีข้าราชการติดเชื้อขึ้นมาก็จะทำให้หน่วยงานในอาคารนั้นๆ ต้องกระทบและไม่สามารถทำงานแก้ไขปัญหาได้////

ข่าวอื่นๆ